สนับสนุนบทความดีๆ โดย @ma5bot มหาบอท ซอฟแวร์อัจฉริยะ ช่วยเทรดคริปโต 24 ชม.
MA5BOT มหาบอท ใช้ชีวิตให้มีกำไร
ความเชื่อผิดๆอยู่ว่า “ยิ่งเทรดได้บ่อยเท่าไร ยิ่งทำให้ได้กำไรเยอะมากขึ้นเท่านั้น” ทำให้หลายคนพยายามที่จะจ้องหน้าจอตลอดเวลาเพื่อมี Activity กับตลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ผลที่ได้นั้นกลับสวนทาง นอกจากทำกำไรไม่ได้เท่าที่ควรแล้วยังทำให้สภาพจิตใจ และสภาพร่างกายย่ำแย่ลงไปด้วย ส่งผลให้พอร์ตเสียหาย หรือแย่ลงในระยะยาวได้อีก
บทความนี้ขอขอบคุณ อาจารย์คิง จากเพจ Meawbin investor ที่มาเล่าให้ฟังถึงมุมมองว่าทำไม การเทรดบ่อย หรือเทรดถี่มากเกินไปเป็นสิ่งไม่ดี พร้อมแนวทางแก้ไขเพื่อให้พอร์ตของเราเติบโตอย่างมีกำไรได้ในระยะยาว
“ระยะทาง x รอบความถี่”
เริ่มจากคำถามแรก “กำไร 10 เหรียญ 10 ครั้ง” หรือ “กำไร 1 เหรียญ 100 ครั้ง” ทำแบบไหนได้กำไรมากกว่ากัน
คำตอบถ้ามองแค่เรื่องของกำไรคือ “ทั้งสองวิธีได้กำไร 100 เท่ากัน” แต่ถ้าลองมองว่าเราเป็นมนุษย์ที่ต้องนั่งจ้องคอมทั้งวันเพื่อเทรดไห้ได้ถึง 100 ครั้งในหนึ่งวันคงเป็นเรื่องที่เหนื่อยพอตัว
สภาวะตลาด
แต่เมื่อเราใช้บอทเทรด หรือใช้โปรแกรมช่วยเทรด ความถี่ก็คงไม่มีปัญหาเท่าไร จึงทำให้หลายคนที่ใช้ “โปรแกรมช่วยเทรด” มักติดนิสัยชอบให้บอททำงานบ่อยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คาดหวังให้ทำรอบเยอะที่สุดเพื่อกำไรเยอะที่สุด แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงหรือ ต่อไปนี้ มีคำตอบ

จากภาพเป็นการทดลองเทรดแบบกำหนดเป้าหมายราคาอย่างชัดเจนโดยวาง Pending Order ตามระยะทางโดยเปรียบเทียบจากการใช้ทรัพยากรที่เท่ากัน แต่ทำบนสภาวะตลาดที่ต่างกัน (Grid Trading ,Rebalancing)
สภาวะเทรน (Trend)
แบบแรกจะเทรดทั้งหมดแค่ 2 ครั้ง แต่ทำระยะทางโดยรวม(กำไร) ได้เท่ากับ 60 แต่การแบ่งทรัพยากรเพื่อเพิ่มความถี่ หรือรอบในการเทรดจาก 2 เป็น 4 แม้จะได้รอบเพิ่มขึ้นเท่าตัวแต่ทำระยะทางโดยรวม(กำไร)ได้เพียงแค่ 50 เท่านั้น
สภาวะเทรนเบาๆ (Sideway Up)
ใช้การแบ่งโซนและรอบการเทรดแบบเดิม ซึ่งผลการทดลองรอบนี้กำไรไม่ต่างกันเลยแม้รอบในการเทรดจะแตกต่างกันถึง 2 เท่า
สรุป
เทรดบ่อยเกินไปก็ไม่ดี เทรดน้อยเกินไปก็ไม่ดี ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด บางสถาวะเทรดบ่อยจะทำกำไรได้มากกว่าเช่นช่วงตลาดออกข้าง และช่วงตลาดเป็นเทรนยาว การถือเพื่อให้ได้ระยะจะทำกำไรได้มากกว่า ดังนั้นเราควรปรับความถี่ให้เหมาะสมกับแต่ละสภาวะตลาดนั้นเอง
ATR เครื่องมือช่วยปรับความถี่ให้เหมาะสม
เครื่องมือ (Indicator) ตัวหนึ่งที่ใช้บอกค่าความเปลี่ยนแปลงของชุดข้อมูลที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา แปลเป็นภาษามนุษย์คือเอาไว้บอกว่า “ช่วงนี้ตลาดผันผวนแค่ไหน” เพื่อปรับใช้ในการวางแผนการเทรดเกี่ยวกับเรื่องรอบ และระยะทางโดยเฉพาะซึ่งเหมาะมากกับหัวข้อในบทความนี้

เรื่องสูตรที่มาที่ไปคงไม่อธิบายในบทความนี้ แต่จะเน้นไปที่เรื่องของการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเทรดนั้นคือนำค่า ATR มาใช้เพื่อบอกระยะทางที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาเพื่อให้เทรดเดอร์สามารถเก็บรอบ และระยะทางที่เหมาะสมได้

การใช้งานจริง
ATR เส้นสีเหลืองมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 1000 จุด ซึ่งถ้าเรามามองที่กราฟราคาของ BTC ในช่วงเวลาดังกล่าวจะพบว่า BTC วิ่งอยู่ในกรอบระยะทางราวๆ 1000+- ตลอดซึ่งหากเราเป็นเทรดเดอร์ หรือใช้บอทในการเก็บรอบจะสามารถทำให้ได้ทั้งรอบที่เหมาะสม และระยะทางที่เหมาะสมเพื่อทำกำไรที่มากกว่าได้นั้นเอง
ระบบเทรด Rebalance
ขอสรุปส่งท้ายแบบนี้เลยแล้วกันว่า ถ้าคุณเทรดด้วยระบบ Rebalance อย่างแรกเลย “คุณต้องลบความเชื่อที่ว่ายิ่งเทรดบ่อย ยิ่งเทรดถี่มาก ยิ่งได้กำไรเยอะทิ้งไปซะ” แล้วเริ่มปรับความถี่ (Trigger%) ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาเพื่อรีดกำไรออกมาให้ได้มากที่สุด
Auto Trigger with ATR
อีกตัวเลือกทีคุณควรใช้เมื่อคุณใช้บอทเทรดแบบ Rebalance การปรับด้วยมือตามค่า ATR เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ไม่ยากเย็นนักแต่คงจะสะดวกสบายมากขึ้นถ้าหากว่าเราสามารถใช้งานระบบออโตเทรดที่สามารถปรับตัวเองตามสภาวะตลาดได้ตลอดเวลา ช่วยให้ทำกำไรได้มากขึ้นและประหยัดเวลาชีวิตของเราอีกด้วยนั้นเอง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับนระบบเทรดอื่นได้เช่นกัน
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
สนใจสอบถามรายละเอียดการใช้ MA5BOT
ติดต่อ LINE OA: @ma5bot
LINE OA: https://lin.ee/0OinA7X
ติดตามข้อมูลอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับ Crypto ในทุกช่องทางและเข้าร่วมกลุ่มใน Ma5bot
ได้ที่Facebook Fanpage: https://www.facebook.com/ma5bot
Facebook Group: https://www.facebook.com/groups/267012221875488
Youtube Channel: https://www.youtube.com/channel/UCA2RjvOroJm98_3cUWJGVkg
#ma5traderteam #MA5BOT #มหาบอท #ma5community #cryptocurrency #robot #MA5 #tradefuture #rebalance
